ชูวิทย์ เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ ใครเป็นผู้ริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรู ปลอม
ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ กับ ตำรวจ ใครเป็นคนที่เริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร
วันที่ 19 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเอกสารลับ ดีเอสไอ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ผู้คนสงสัย ว่างานนี้เริ่มจากไหน? ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาว ที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร เพราะกลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทา
ตบท้ายมีการ อมเงินของกลาง และก็ปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกร่วงไปเกือบ 10 ล้าน ผมได้นำคลิปเปิดเปิดเผย ให้เห็นเสมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์
หลังจากนั้นมีการโยน กันไปมา ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี” เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง การตรวจหา ว่าเงินของกลาง ที่หายไป ตอนยึดไม่ได้นับว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สน.ทุ่งมหาเฆม เลย
(โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 เนื่องจากดีเอสไอไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับ เป็นคดีความพิเศษ ก็เลยไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นคนตรวจนับ และเซ็นเอกสารการนับเงิน)
กรณีการขอหมายค้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ อธิบายว่า
ถ้ารอรับเป็นคดีความพิเศษ จะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี ก็เลยได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ขอหมายค้น บ้านดังกล่าว (แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน แล้วก็แทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง) ท่านอธิบดีดีเอสไอ คงดีใจที่ถูกเด้ง เนื่องจากหน่วยงานดีเอสไอ ในระยะหลังมีแต่ข่าวฉาวมาเป็นระยะๆ
คงเป็นเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา ก็เลยไม่มีใครคุมใครได้ แล้วก็แต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง. ท่านอธิบดีก็เลย ถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย
อสส.สั่งฟ้อง ตู้ห่าวกับพวก ทุนจีนสีเทารวม 41 คน ข้อหาค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ฯ
“นารี” อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ตู้ห่าว กับพวกทุนจีนสีเทารวม 41 ราย นำคำฟ้อง 332 หน้ายื่นต่อศาลอาญา กรุงเทพใต้ หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติโทษ สูงสุดประหารชีวิต
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก
จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 แล้วก็ อัยการสูงสุดได้พิจารณา สำนวนการสอบสวนคดี ดังกล่าวแล้ว นั้น
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด
จึงได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานร่วมมือ
โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดรุนแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 รวมทั้งประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะ
เป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชน
แล้วก็ โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 แล้วก็ประเภท 4
โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน,
ร่วมมือโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และก็ด้วยกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ
โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายทำงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบคิดกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรง
เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและก็เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต,
ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดย คนต่างด้าวไม่มีใบอนุมัติให้ทำงาน โดยฝืนต่อกฎหมาย, ด้วยกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น
หรือช่วยด้วยประการอะไรก็ตามให้คนต่างด้าวที่เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
และในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมาย ให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
รวมทั้งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
เปิดเปิดเผยว่า น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องศาล นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายจรูญ ธีรนานนท์ และก็ในวันที่ 19 ม.ค.วันนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลข ย 87 / 2566 เชลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดีถัดไป
รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวเหตุว่า โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น รวมทั้งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่ง ที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีถัดไปด้วย
ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน ถึงแม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ และก็ดูแลการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลา
ตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตและมีอายุความ 30 ปี.